วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ยูทู๊ปแมน

อ่านการวิวาทะได้ที่ ..
http://smf.kindman4all.com/index.php?topic=42.0


Once Upon A Time ........................

เรื่องมันมีอยู่ว่า..........

ผ้าหอม .. เป็นชื่อเฉพาะหรือฉายา ที่ หนุ่มสมศักดิ์ ได้รับการเรียก จากกลุ่มเพื่อนสนิท 
สาเหตุเนื่องจาก ทั้งๆที่โดยปกติ มี อุปนิสัยรักความสะอาดแบบผู้หญิงยังต้องหลบ
แต่เมื่อฉุกละหุก ในตอนที่ต้องออกไปทำงาน แล้วไม่มีเวลาอาบน้ำอาบท่า เพราะมัวแต่ร่อนอยู่ในข้อมูลมหาศาล จากอากู๋เกิ๊น 
วิธีที่หนุ่มสมศักดิ์เลือกปฏิบัติ ก็คือฉีดสเปรย์ปู๊ดป้าด ทั่วทั้งตัว สวมเสื้อผ้ากางเกง (แหงๆ ว่าคือตัวที่ซักรีดไว้อย่างเรียบร้อยในตู้ ) 
ก่อนจะเผ่นขึ้นมอไซค์ Wave คู่ใจ
ไปส่งข้าวกล่องตามบ้านลูกค้าให้ทันเวลา ตามที่บริษัทรับเมนูผูกปิ่นโตข้าว ที่หนุ่มสมศักดิ์ได้ไปรับทำสันยงสัญญาเอาไว้ ในฐานะลูกจ้าง.

อาการที่ ตัวหอม โดยไม่ได้อาบน้ำแม้แต่ขันเดียว แต่หอมฟุ้งไปทั้งซอย..
ทำให้พี่ใหญ่หัวไวในก๊วน เรียกล้อๆไปว่า ไอ้ผ้าหอม ปรากฎว่า... คำ.. มันสื่อมากส์ 
จนในที่สุดทั่วทั้งคอนโดมีเนียมในละแวกบ้านของสมศักดิ์ ก็เรียกติดปากกันไปเองจนได้ว่า "ผ้าหอม"

คุณตัวหอมหน้าตาหล่อเหลา ที่หากใครกล้าหาญพอ.. แล้วลองไปก้มดมๆแบบใกล้ชิดผิวเนื้อ จะรู้ว่ามีกลิ่นตัวแปลกๆ !!!
มีข้อมูลประจำตัว ที่ต้องเล่าขยายนิทาน... 
...อยู่ว่า...

๑. ชอบทำผัดไทยให้ชาวบ้านกินบ่อยๆ 
ด้วยครั้งหนึ่ง เจ้าผ้าหอมของเรา เคยเป็นลูกมือพี่สาวที่เปิดร้านผัดไทยอยู่แถวย่านลาดพร้าว ฝีมือพี่สาวเข้าขั้นเมพฯขิงๆ !! 
แต่สำหรับเจ้าผ้าหอมของเรานั้น...
ติดฝีมือจากพี่มาในแบบ..... ถ้าเปิดร้านเองก็ มีลุ้น ว่าไม่น่าเจ๊ง แต่การชอบผัดเส้นใหญ่เส้นเล็ก ให้รวยขี้แตกขี้แตน 
น่าจะไปไม่ถึงฝัน .!!!

แต่การที่ เจ้าหนุ่มพระเอกนิทานของเรา ตัวหอม..รูปหล่อ.. และมีอุปนิสัยน่ารักนอมน้อมกตัญญูและเข้ากับคนได้ง่าย
แบบที่คนคอนโดมีเนียมรับรู้กันทุกห้องทุกตึกต่างหาก.. ที่น่าจะทำให้ร้านไม่เจ๊ง (ถ้ากล้าเปิด)

๒. พระเอกของเรา ชอบอวดฝีมือ ผัดไทย 
.. ในหลายๆครั้ง เวลาต้องไปส่งข้าวกล่องปิ่นโตโถแกง เจ้าตัวหอมของเราก็จะแอบ ทำผัดไทยห่อเล็กๆ ฝากให้ลูกค้าชิมโดยไม่ให้เจ้านายที่บริษัทรู้อยู่เป็นประจำ
พอเรื่องมันแดง ด้วยที่บรรดาลูกค้าขอสั่งผัดไทยพ่วงเข้ามาในรายการกับข้าว เจ้าของร้านรับผูกปิ่นโต ก็มึนๆ ว่ากรูไม่ได้ทำผัดไทยซะหน่อย 
สืบดูถามไถ่กันไปมา ก็เลยรู้ว่าเจ้าผ้าหอมนี่เอง ก็เลยเรียกมาสอบถามแบบเอ็นดูว่า 
เฮียไม่ว่าอะไรเอ็งหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่...
แต่การทำอาหารนั้น หากจะเปิดร้านผูกปิ่นโตแบบเฮียให้มันเป็นทางการ ผู้เป็นแม่ครัวจะต้องเมพฯเซียนมั่กๆนะโว๊ย และมันไม่ใช่เรื่องทำอร่อยหรือไม่อร่อย
นะเจ้าผ้าหอม มันเป็นเรื่องของความคงเส้นคงวาในระดับการปรุง การตักนั่นนี่ผสมกัน ที่ทำทีไร รสชาติก็รสเดิมต่างหาก ที่ทำให้ธุรกิจนี้อยู่ได้ !

เอ้า.. ไหนๆก็ไหนๆ ไปเข้าครัว... ทำผัดไทยมาให้เฮียชิมซักจานซิเรา ไป๊ !

เจ้าผ้าหอม.. อารามดีใจที่มีคนเข้าใจและมีท่าทีสนับสนุนตัวเอง วิ่งปู๊ดเข้าครัวก็มึนตึ๊บ !!!
ตำแหน่งเครื่องปรุงที่เก็บวัสดุเส้น - รสน้ำซุปที่ไม่คุ้นเคย เตาอลังการ งานสร้าง เปิดฟู่ๆที เพียงสามวินาที ก็แทบเผากะทะเป็นรูให้หัวแม่มือลอดได้ 
ท่านผู้ที่กำลังอ่านนิทาน.. คงเดากันได้... 
ว่ารสชาติของผัดไทยที่เฮียได้ชิมจะประมาณไหน ?

เฮียตักคำเดียวชิมเสร็จวางช้อนส้อม มองหน้าเจ้าผ้าหอมที่นั่งลุ้นอยู่ด้วยหัวใจเต้นตุ๊บๆ 
แล้วก็ตอบออกมาแบบผู้ใหญ่ใจดี แบบทั้งแซวทั้งเตือนทั้งสอน..
.....ว่า.....

ก็ลุ้นขึ้นนะ แต่ต้องมีสมาธิมากกว่านี้  ทีหลังอย่าลนลาน เปิดแก๊สต้มน้ำเปล่าดูก่อนก็ได้ จะได้รู้แรงไฟ นี่บ้านเฮีย เฮียไม่ได้รีบ 
แล้วก็ยิ้มให้อย่างเมตตา ตามประสารุ่นใหญ่ที่เห็นโลกมาเยอะ พอเจอคนรุ่นใหม่ใฝ่ดี ก็ต้องเอาใจช่วย ... ประมาณนั้น.......

สรุปคือเจ้าผ้าหอมของเรา ก็ไม่ได้ถูกด่าถูกห้ามอะไร
รวมถึงเจ้าพระเอกของเรา ก็ไม่ได้รับการเลือกจากเฮีย ให้เข้ามาทำงานครัวในตำแหน่งพ่อครัวผัดไทยแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ลูกค้าก็ได้รับแจ้งไปจากทางบริษัท ว่าอันผัดไทยนั้นเราไม่มีในรายการ หากชอบกิน ก็บอกเด็กส่งข้าวรูปหล่อๆตัวหอมๆกันเอาเอง
บริษัทส่งปิ่นโตข้าวห่อแกงต้มของข้าพเจ้า ไม่เกี่ยวคร้าบบบ !!


เรื่องก็เลยกลายเป็นว่า ลูกค้าที่เจ้าผ้าหอมมันชอบขี้หน้า จะยังคงได้รับผัดไทยห่อเล็กเช่นเดิม รวมถึงรสชาติแปลกๆนั่นต่อไป จนกว่าเจ้าผ้าหอมมันจะเลิก
ส่งปิ่นโตนั่นแหละครับ..
รสชาติแปลกๆที่ว่าก็คือ ผัดไทยห่อเล็กของเจ้าผ้าหอมนั่นอร่อยแบบเจ็ดเต็มสิบทุกครั้ง แต่ไม่เคยได้รสเดิมซักครั้ง ครับผม
ประเด็นที่แอดมินไอ้เป็ดรับรู้มา...ก็คงเพราะ....
ทักษะน้อยเพราะทำเล่นๆ + เอาแต่กูเกิ้ลดูคนทำกับข้าวออกอินเตอร์เน็ท + ไม่ฝึกฝนเพิ่มเติมกับครัวคู่ใจเล็กๆของตน
ในแบบที่คนแก่เหนียงยานสมัยก่อน... เขาเรียกกันว่า ฝึกไม่คงเส้นคงวา น่านแหละครับผม !!


๓. อันว่าบริษัทรับผูกปิ่นโตส่งข้าวตามหมู่บ้านหรูๆนั้น เด็กส่งข้าวกล่องย่อมไม่ได้มีแค่ ผ้าหอม ของเรา 
หน้าบริษัทฯตอนก่อนเที่ยง และตอนราวๆหกโมงเย็น จะแปรสภาพคล้ายวินมอไซค์ขนาดย่อมๆ  จนบางบ้านบางคนที่เพิ่งย้ายเข้ามาในหมู่บ้าน
เคยเผลอโปกมือยิกๆ เรียกให้ช่วยไปส่งปากซอยนั่นแหละครับ..ท่านผู้อ่าน นับเล่นๆ ก็เกือบยี่สิบคัน ครับผม !!

ผ้าหอม.. คุ้นเคยกับหนุ่มส่งข้าวอยู่สองคน เพราะที่พักอาศัยอยู่ใกล้กัน ได้แก่เจ้าฆ้อนปอนด์ กับเจ้ากวางทอง...
ฆ้อนปอนด์วัยใกล้กันกับพระเอกของเรานั้น ชอบทำข้าวผัดและหลงไหลในข้าวผัด 
ส่วนเจ้ากวางทองที่ชอบนั่งซดโซดาน้ำแข็งผสมเหล้ากวางทองตามชื่อนั้น ชอบทำราดหน้าเส้นใหญ่ รสนิยมเจ้าสามตัวละครของเรา 
เข้ากันได้อยู่เรื่องนึง... คือทั้งสามคน ชอบทำกับข้าว และเป็นอาหารที่ใช้ การผัด

เรื่องราวเข้าแกนแก่นธีม.. 

หลังจากเหล้าเข้าปากในค่ำในวันหนึ่ง เจ้าสามตัว.. ก็ประชุมสรุปกันเป็นเรื่องเป็นราว..ว่าตอนหลังสองทุ่ม.. พวกเราทั้งสาม..ต่างก็ไม่มีอะไรทำกันแล้ว 
เรามาเปิดร้าน  ขายสามผัด ที่พวกเราชอบน่าจะเป็นการดี ได้ทั้งการฝึกฝนฝีมือ โดยสังเกตุจากอาการขี้แตกของลูกค้า .. ได้ทั้งรายเสริม..
แบบกึ่งงานอดิเรกกึ่งทำเป็นอาชีพ ขี้หมูขี้แมวขี้หมา เราอาจประสพความสำเร็จ ดีไม่ดี พอฝีมือเข้าขั้น ต้องขายนาขายที่ไปเปิดในห้างบิ๊กซี เลยนะเออ !!
เอางี้ๆ พวกเราสามหนุ่มสามมุม มากรีดเลือดสาบานต่อหน้าลูกชิ้นปิ้งถั่วคั่วไก่สามอย่างแหนมตุ้มกับแกล้ม และแก้วเหล้ากันเหอะ....
เรียกผ้าหอมว่า หนึ่ง (๑) เพราะเก่งกว่าเพื่อน เรียกข้าวผัดว่าสอง (๒) เพราะรองลงมา แล้วเรียกข้าผัดซีอิ๊วว่าสาม(๓) ตามลำดับฝีมือ ก็แล้วกัน.....

ไม่รู้ว่าเพราะความใฝ่ดี หรือความช่างคิด หรือเพราะชอบทำกับข้าว หรือเพราะแก้วเหล้า .... แอดมินผู้กำลังเล่านิทานก็ไม่อาจทราบได้
ข้อสรุปการประชุมได้รับการอนุมัติเป็นเอกฉันท์ .... เราต้องเปิดร้าน !!


๔. ผ้าหอมของเรานั้น มีก๊วนที่ไม่ดื่มอยู่กลุ่มหนึ่ง ประมาณว่าถ้ากลุ่มขี้เหล้าเป็นพวกมารฯ 
ผ้าหอมของเราก็คบค้ากับอีกกลุ่ม ที่วันๆเอาแต่ขายของนั่นๆนี่ๆ ก็คือพวกเทพฯนั่นแหละครับ

พี่ใหญ่ในกลุ่ม เป็นพวกพหูสูตรเพื่อนเยอะรู้ไปทุกเรื่อง ทั้งที่เรียนไม่จบ ก.ศ.น ใดๆ แต่ด้วยวุฒิ ม.๓ ที่มีอยู่ ก็สามารถเอาตัวรอดชีวิต ด้วยการเปิดแผง
ขายดีวีดีรีไซเคิ้ลอยู่ที่ตลาดนัดขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ด้วยความรู้อันหลากหลายเพราะเกิดนานกว่าเพื่อน และชอบอ่านหนังสือการเมืองรายสัปดาห์
(น่าจะเกี่ยว แหะๆ กลอนมันพาไปอะคับ อิๆ ) จึงจำเป็นที่พระเอกรูปหล่อของเรา ต้องเอาเรื่องเปิดร้านสามผัด เข้ามาทำการปรึกษาซะหน่อย 
อย่างน้อยพี่ๆเชื้อๆ จะได้รู้.. ว่าน้องนุ่ง.. กำลังจะรุ่ง ไม่ใช่คิดแค่จะจบชีวิตด้วยการส่งข้าวปิ่นโต ไปจนฟันหลุดเพราะแก่เฒ่านะพี่นะ
พูดคุยเออๆออๆ และนั่งขายหนังเก่าช่วยกัน ได้สักเกือบชั่วโมง..

พี่ใหญ่ในกลุ่ม ผู้ผ่านโลกมามากและก็เป็นผู้ตั้งชื่อล้อๆให้น่ารักเหมือนหน้าตาหล่อๆของเจ้าผ้าหอม 
ก็พูดประโยค อมตะเล็กๆ ออกมาคำหนึ่ง..

พรุ่งนี้มึงให้ไอ้สองตัวนั่น ผัดข้าวผัด กับผัดราดหน้าซีอิ้วแห้งๆ มาให้กูชิมหน่อย เด๋วเพ่.. จะวิจารณ์ให้ เป็นเบื้องต้น..

เพราะกูนั้นแม้จะหมดสถาพ แต่ลิ้นเทพฯของกูนั้น ยังใช้ได้ดี ไม่เชื่อมึงไปถามเมียกู 
พรุ่งนี้เอามาทั้งสองผัด กูจะรอที่แผง จะได้ถือเอาสองผัดของพวกมึง...เป็นข้าวเย็นซะหน่อย !!
เย็นวันถัดมา น้องเล็กของกลุ่มผู้หล่อกว่าเพื่อนๆฝ่ายเทพ ก็เอาสองผัด คือข้าวผัด กับ ผัดซีอิ้ว มาให้พี่ใหญ่แซมเปิ้ลเทสต์..
พี่ใหญ่ชิมเสร็จ ปากอยากบอกออกไปว่า เอาตีนผัดหรือตะหลิวผัด พอมองเห็นหน้าน้องชาย จ้องตาแป๋วดำปี๋ แบบรอลุ้น ก็ใจอ่อนยวบ !!
คิดขึ้นในใจว่า เอาเหอะน่า คนเรามันต้องลอง มันเปิดร้านสามผัด ไม่ได้ก่อให้เกิดสินามิซักกะหน่อย เต็มที่ลูกค้าก็ขี้แตกท้องเสีย
ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต เขายิงกันตายกลางเมือง เผาห้างใหญ่เล่นๆกันให้วุ่นวาย คนที่สั่งยิงก็ยังหนีทหาร ยังไม่เห็นมีใครต้องติดคุกเลย !
จึงพูดออกไปแบบใจร่มๆ กับน้องชายหน้าหล่อ..ว่า....

อันคะแนน เจ็ดเต็มสิบ ที่กูให้ ไม่ได้แปลว่ามึงจะเจ็ดเต็มสิบไปตลอดกาล ถ้ารสชาติเป็นแบบนี้ทุกวัน เด๋วมันก็แปด ก็เก้า และสิบเต็มสิบจนได้นั่นแลฯ
กูขออวยพรอวยชัยให้มึงรุ่งโรจน์ อย่ารุ่งริ่ง ขยันปั่นตะหลิวกันทั้งสามคน รวยแล้วอย่าลืมกู มาเหมาหนังกูด้วย จะท่วมบ้านอยู่แล้ว... เอิ๊กๆๆ


พี่ใหญ่หัวเราะกับมุกขำปัญญาอ่อนตามวัยของตัวเองเสร็จ ก็ตบหัวลูบใหล่ เป็นกำลังใจให้คนรูปหล่อ
ที่มันชอบบอกว่า มันรักตะหลิวมากกว่าเมีย ไปสามที ตะติยัมปิ 
ประมาณว่า.. ถ้าไม่กลัวไอ้ผ้าหอมมันหาว่าบ้า ก็กะจะหาธูปเทียนดอกมะลิ มาเสกคาถาเป่ากะหม่อมให้นั่นแหละ เพราะเคยบวชเณรมาตั้งสี่พรรษาฯ 
แต่เมื่อเห็นว่าคงไม่เข้าท่า เรื่องก็เลยจบกันแบบบ้านๆ อวยพรให้พรกันไป แลัวทั้งสองพี่น้อง ก็นั่งขายหนังมือสองกันต่อ..
พอหกโมงเย็น ผ้าหอมก็ร่ำลาไปเปิดร้านวันแรก ด้วยรู้ว่าพี่ใหญ่ไม่อาจปลีกตัวไปเชียร์ได้ แผ่นซีดียังกองเป็นภูเขา แปลว่าพี่ยังได้ไม่ถึงร้อย...
จะให้พี่ใหญ่ไปเปิดป้าย มันย่อมไม่ดี พี่เขาก็มีครอบครัวให้เลี้ยง 
ร่ำลาพี่แล้ว.. ก็เอาขาสองข้างปาดขึ้นมอไซค์คู่ชีพ ฯ
แล้วเจ้าผ้าหอมก็บึ่งรถไปร้านสามผัด !

๕. เรื่องมาถึงพี่กลางฝ่ายเทพฯ 
พี่กลางนามสมมุติได้แก่ คุณถลน เนื่องจากมีเชื้อจีนปน เส้นผมตั้งชี้ คิ้วเฉียงหน้าคล้ายเดวิดเจียงอยู่แปดส่วน และหล่อพอสมควรปานกลาง
ตามตำแหน่งของสามพี่น้อง คือพี่ใหญ่หน้าตาธรรมดา หล่อนิดๆคือพี่กลาง และหล่อมากพอดูคือผ้าหอม 
ก็ได้เวลาปิดร้านซ่อมมือถือ ตะบี้ตะบันทำมันทุกอย่าง ตั้งแต่ซ่อมบอร์ด เปลี่ยนจอ ลงแอปฯ รับซื้อ รับจำนำ รับเติมเงิน และเจ้ามือบอล 
ที่เปิดร้านเยื้องๆแผงขายหนังเก่าซีดีก็อปโหลดบิทมาไรท์เองของพี่ใหญ่ ก็เดินเข้ามาทักทายเหมือนเช่นทุกวัน...
พอนั่งลงที่ม้านั่งเตี้ยๆที่เอาไว้ให้ลูกค้าเลือกหนัง ควักบุหรี่ออกมาไม่ทันได้จุดดูด 
พี่กลางสังเกตุเห็นหน้าพี่ใหญ่เซ็งๆ ก็สงสัยอยู่ในใจ มองไปซ้ายขวาสำรวจดุเห็นซีดีหายไปเกือบทั้งแผง 
แปลว่าวันนี้พี่กูต้องฟันกำไร อย่างน้อยแปดร้อยเก้าร้อย !!
แล้วเหตุใด? จึงนั่งทำหน้าเป็นตูดกระต่ายเช่นนี้ ? ( ง่า.. หางกระต่ายมันงอทั้งปีอะครับ แหะๆ)

พี่ใหญ่ไม่พูดตอบโต้ ทำหน้าแบบคนธรรมดาที่ไม่หล่อไม่ขี้เหร่ ถอนใจเฮือกใหญ่ !! 
แล้วยื่นห่อผัดซีอิ้ว กับห่อข้าวผัดที่เหลือ.. ให้น้องคนกลางฝ่ายเทพของเรา....

มึงชิม แล้ววิจารณ์มา !!

พี่คนกลางทำหน้างงๆ แต่ก็ยื่นมือไปรับ ลอกพลาสติคออกจากตะเกียบแบบทิ้งแล้วใช้ เอ๊ย ใช้แล้วทิ้ง คีบผัดซีอิ๊วเข้าปาก ๑ คำ กลืนเอื๊อก 
แล้วก็พุ๊ยข้าวผัด ด้วยลีลาตะเกียบผั่บๆ สองคำทันใจ ตามประสาคนมีเชื้อจีน ที่เมพฯขิงๆ ในทักษะการคีบด้วยไม้คู่
พี่กลาง.. กลืนข้าวผัดแบบฝืนๆ ทำตาพองๆถลนๆ ตามชื่อที่กลุ่มตั้งให้นั่นแหละ แล้วตอบตามนิสัยของคนปากกับใจตรงกัน
...ว่า..

เกลือน้อยไป พริกไทยกากส์ ซีอิ้วคุณภาพต่ำ ไฟน่าจะอ่อน ผักเลยเหนียว ... ง่า.... อ้อ !! ... มันใช้ตีนหรือตะหลิวผัดครับเนี่ย !!

พี่ใหญ่ก็จ้องหน้า เพราะภาษาที่มึงใช้นอกจากจะเป็นคำเดียวกันกับที่กูไม่กล้าพูดต่อหน้าไอ้ผ้าหอมแล้ว 
มันบอกชัดๆว่ามึง เป็นผู้ชายที่ไม่กลัวการเข้าครัวอยู่แน่ๆ คนบ้าเทคโนฯ กลับบ้านเกือบสามทุ่ม ตื่นตีสี่ไปทำงานที่เพชรบุรีตัดใหม่ 
บ่ายสามบึ่งรถบิ๊กไบค์ มาเปิดร้านโทรศัพท์ที่ตลาดนัดอย่างมึงตลอดทั้งปี ทั้งชาติ ได้หยุดทีก็ตรุษจีน 
ไหงจะรู้ได้เล่า ? ว่าเครื่องปรุงมันมีอะไรบ้าง ? ไฟอ่อนไฟแก่ก็รู้จัก จึงต้องถามน้องกลาง.. ว่ามึงลักไก่กูหรือรู้จริง ?

พี่กลางหัวเราะแหะๆ 
ที่คบกันมาเกือบสองปี แต่ผมไม่ได้มีการเล่า เพราะไม่รู้จะเล่าไปทำไม ไม่มีใครถามอีกต่างหาก พี่และน้องในกลุ่มเราคิดเองเออเองและเอาเอง..
ว่าผมเป็นเทพฯโทรศัพท์และอีเล็คฯ แต่เจ้าเงินผ่อนบ้านแค่ ๘ ปี แล้วก็ได้โฉนดจากธนาคารนั้น อีกทั้งเกือบสี่แสนที่ผมลงไปกับร้านโทรศัพท์ที่นี่
พี่จงรู้ไว้ !!  ผมเคยทำร้านอาหารกับหม่ามี๊ผมมาเป็นสิปปีครับ !! ไม่เคยขาดทุนแม้แต่วันเดียว !!


มึงทำอะไรขาย ? พี่ใหญ่ถาม !!

พี่กลางทำตาพองๆตามประสาคนเชื้อสายแผ่นดินใหญ่เก่าเชื้อ สูดลมเข้าปอด ท่าทางภูมิใจสุดๆ กับอดีตอันรุ่งโรจน์ ในฐานะมือสองรองจากแม่ตัวเอง
ยืนตรงยืดอกตอบ แบบเหมือนกำลังยืนอยู่ต่อหน้ากะทะ ที่มือซ้ายกำลังปรับไฟเตา และมือขวากำลังถือตะหลิวใหญ่  
แล้วตอบ....

ผมขี้หมูขี้หมาสืบย้อนไปสี่รุ่น ผมนั้นจีน ๑๐๐ % ...
ผัดครับพี่... อะโด่ ... สารพัดผัด สารพัดต้ม สารพัดนึ่ง แม่เป็นกุ๊กใหญ่ ผมเป็นกุ๊กสอง
เมียตูดใหญ่ๆ ไม่ใช่ให้แค่ลูกน่ารักกับผมนะพี่ เป็นทั้งแม่ครัวสามมือรอง ล้างผัก ล้างจาน ดึกๆผม ป๊าบๆๆๆๆ ได้ด้วย นะคร้าบบบบบ !!


สรุปเรื่องตอนนี้ โบราณว่า ใกล้เกลือกินด่าง พระท่านว่าเป็นช้อนไม่รู้รส.... ตายห่า!!  เทพฯเทวา อยู่ใกล้ตัวแท้ๆ !!
จึงชวนคุยว่า..
มึงกับแม่ของมึง ว่างพอจะสอนไอ้ผ้าหอมบ้างมั้ย ด้วยว่าเดี๋ยวนี้นั้น พอหลังสองทุ่ม ไอ้ผ้าหอมมันไปเปิดร้านกับเพื่อนๆขี้เหล้าของมัน..
กูเห็น(ชิม)ฝีมือมันแล้ว...กูกลัวมันยื้อได้ไม่นาน ทุนหาย กำไรหด !!
หากพวกเรา... เอาแต่รอดูมันเจ๊งท่าเดียว... มันคงไม่ค่อยเข้าท่าสำหรับคนรักๆกัน จนนับกันเป็นน้องพี่เช่นเราสามนะ ตาพองเอ๋ย !!


พอรับทราบประกาศเจตนารมณ์ ของพี่ใหญ่แถมยังไร้แอลกอฮอล์ในการประชุม 
ก็เลยได้ข้อสรุป... หาวันว่างๆ แล้วสอนผ้าหอม ฝีกมันทำผัดไทย..ให้อร่อยขึ้นกว่าเดิม.. ให้จงได้ !!

ไม่กี่วันถัดมา สามพี่น้องผ่ายเทพฯ ก็ไปรวมตัวกัน ที่ทาวน์เฮ้าหลังใหญ่ของ คุณตาถลน ผู้เป็นพี่กลาง 
ตัวพี่ใหญ่นั่งเรออยู่เอิ๊กๆๆ อ๊ากๆๆ เพราะเจออาหารเทพๆ จากทั้งคุณแม่ ทั้งน้องกลาง ไปหลายกะทะ มาตั้งแต่เจ็ดโมง จนบ่ายครึ่ง 
พี่คนโตชูชกเก่าที่นั่งซดน้ำอีโน เรอโอ๊กๆ ตดปู๊ดๆ อยู่นั้น หลังจากพยักหน้าทักทายเจ้าผ้าหอม ที่เพิ่งมาถึง...
ก็ชูนิ้งโป้ง ขยับขึ้นชยับลง เหมือนพวกเฟซบุ๊กกดไลค์ ให้กับฝีมือกับข้าวของคนบ้านนี้ !!

เบ็ดเสร็จเรื่อง เกือบห้าโมงเย็น ไม่ต้องถึงมือคุณแม่มาสอนให้ด้วยซ้ำ แค่เจ้าคุณตาถลนอย่างเดียว ผ้าหอมของเรา ก็ได้ลวดลายการสบัดตะหลิว
ปรับไฟอ่อนไฟแก่ ลงผักจังหวะสวย เขย่ากะทะ เฉลี่ยร้อน ไปแบบเก้าเต้มสิบ ทิ้งผ้าหอมคนเดิม ผู้กลัวการปรับไฟเตาแก๊ส ไปแบบเหลือเชื่อ !!
ผ้าหอมของเราหัวเราะเอิ๊กอ๊ากถูกใจ ทีนี้ละมรึง เฮียต้องชมกูผ่านไมโครโฟนออกอากาศโปรฯกูทั้งบริษัทแหงๆ

๖. ช่วงแรกๆ ... ผ้าหอมสุดหล่อ..ก็เข้ามาฝึกฝีมือการทำอาหาร จากคุณตาถลนและคุณแม่ นับเป็นค่าเฉลี่ย.. ก็ต้องเรียกว่ามาถี่
แต่ไอ้ของพรรค์นี้ มันก็ย่อมมีวันห่าง เพราะฝีมือที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว จะมาเอาอะไรกันนักกันหนา มันก็แค่การผัด ไม่ได้มาเรียนหรือฝึกหรือหัด
ให้เป็นทุกเมนูซะเมื่อไหร่ ซึ่งทุกๆฝ่าย คือพี่ทั้งสองและคุณแม่ ก็เข้าใจ ...  ไม่มีปัญหา 


แต่... พี่ใหญ่ พี่กลาง และคุณแม่ ก็เคยวิตกวิจารย์กันไว้ แบบเชิงวิชาการ ในวันที่ผ้าหอมโทรฯมาเลื่อนนัดการฝึกทำอาหาร
.... กันไว้ว่า....

เจ้าผ้าหอม.. มันเพิ่งเรียนการปรับเตา ไฟอ่อน ไฟแก่ ... รวมๆ เก่งขึ้นแต่ ๒๐ % เองนะนั่นหน่ะ !!
คะแนนเดิมมัน เจ็ดเต็มสิบและไม่คงเส้นคงวา
ก็แปลว่าเพิ่งจะได้คะแนน ๘.๔
ส่วนน้ำหนัก การตวง การปรุงและควงตะหลิว..
ยังไม่คงเส้นคงวาเช่นเดิม...
แบบนี้ ท่าจะไม่ดีกับวิธีคิด ที่ไม่มาฝึกถี่เหมือนแต่ก่อน... เป็นแน่ !!


อยู่มาวันหนึ่ง ที่บ้านของคุณตาถลน ครูพร้อมแต่ศิษย์ยังไม่มา
พี่ใหญ่เห็นว่า ปล่อยไปแบบนี้ คงจะไม่ดีจริงๆนั่นแหละ 
จึงเปิดโทรศัพท์ และ เปิดสปี๊คเกอร์โฟน เพื่อฟังหมู่ จะได้ไม่ต้องเล่ากันหลายรอบ

อีกฝั่ง... มีเสียงตู๊ดๆ น่าจะซักสองสามที แล้วก็มีคนรับสาย...


พี่ใหญ่ : โหล... ๆ   .. ฮัลโล๊  ฮัลโหล ....
เสียงที่ตอบมา : สวัสดีครับ...
พี่ใหญ่ : ผ้าหอมเหรอ อย่ามากระแดะ ทำซาหวัดดีกับกู  ... มึงเป็นหวัดป่าว.. ทำไมเสียงแหบๆ ทำไมผิดนัดวะ ครูๆเค้ารอนะเฟ๊ย !!

แล้วเสียงที่ตอบมา ก็ทำให้ พี่ใหญ่ พี่กลาง และ คุณแม่ยอดยุทธตะหลิวเทพฯ ยังสงสัยในใจมาจนทุกวันนี้ ?

เสียงที่ตอบ : ป่าวครับ ผมชื่อสอง ครับ ... อ๋อ ! หมายถึงอาจารย์ผ้าหอมหรือครับ? ...
เด๋ว .. จะให้แกโทรฯกลับนะครับ ตอนนี้... อาจารย์ไม่ว่าง.. ท่านกำลังสอนพวกผมทำกับข้าว !!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น